Magnificent 7 เจาะลึกกระแสเงินสดและทิศทาง AI ของ 7 ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีโลก
กลุ่ม "Magnificent 7" ประกอบด้วย 7 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกเทคโนโลยี ได้แก่ Apple, Microsoft, Alphabet (Google), Amazon, Nvidia, Meta และ Tesla ทั้งหมดนี้ไม่เพียงแค่มีมูลค่าตลาดสูงเท่านั้น แต่ยังมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และกำลังใช้ทรัพยากรเหล่านี้เพื่อสร้างความได้เปรียบในสนามการแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)
■ Apple
Apple ยังคงรักษาระดับกระแสเงินสดในระดับสูงจากธุรกิจ iPhone, Mac, และบริการใน ecosystem เช่น App Store, iCloud และ AppleCare
ในการประชุม WWDC 2025 Apple ประกาศอัปเกรดระบบ Apple Intelligence พร้อมฟีเจอร์ใหม่ ได้แก่
- Live Translation, Visual Intelligence, และ Workout Buddy บน Apple Watch
- ใช้โมเดล AI ขนาด ~3 พันล้านพารามิเตอร์แบบ on-device
- เปิด API ใหม่สำหรับนักพัฒนาเรียกว่า Foundation Models API
- ให้ผู้ใช้เลือกเชื่อมต่อ ChatGPT จาก OpenAI แบบไม่บันทึกข้อมูล (opt-in)
แม้ยังไม่มี Siri AI ตัวใหม่ (เลื่อนเปิดตัว) แต่ Apple ย้ำเป้าหมายการใช้ AI อย่างเป็นส่วนตัวและควบคุมได้
■ Microsoft
Microsoft เป็นบริษัทที่มีกระแสเงินสดและอัตราการเติบโตของกำไรที่มั่นคง
ในด้าน AI Microsoft มีความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ OpenAI และผนวกเทคโนโลยี GPT-4o ลงในผลิตภัณฑ์ผ่าน Copilot เช่น
- Microsoft 365 (Word, Excel, PowerPoint)
- GitHub Copilot สำหรับนักพัฒนา
- Azure AI Studio สำหรับองค์กร
นอกจากนี้ Microsoft ยังเป็นผู้ให้บริการคลาวด์หลักให้กับ OpenAI ผ่าน Azure ซึ่งช่วยเสริมสถานะในตลาดองค์กรอย่างชัดเจน
■ Alphabet (Google)
Google มีรายได้หลักจาก Search, YouTube และ Google Cloud โดยมีกระแสเงินสดสูงและต่อเนื่อง
จากงาน Google I/O 2025 บริษัทเปิดตัว
- Gemini 2.5 (Pro & Flash) พร้อมฟีเจอร์ Deep Think วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
- Veo 3 โมเดลวิดีโอ AI และ Imagen 4 สำหรับภาพและโมชั่น
- Agent Mode บน Gemini App ช่วยจัดการภารกิจหลายขั้นตอน
- ระบบ Search Live ให้ผู้ใช้โต้ตอบด้วยเสียงกับ Gemini ใน Google Search
- รองรับ Vertex AI บน Google Cloud และเปิดใช้ TPU v7 Ironwood
Google ยังคงเป็นผู้นำในแง่ AI เชิงผลิตภัณฑ์และโครงสร้างพื้นฐานควบคู่กัน
■ Amazon
Amazon มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้านกระแสเงินสด โดยเฉพาะจาก AWS ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรสูงสุดของบริษัท
ด้าน AI Amazon ขยายบริการ
- Amazon Bedrock สำหรับรันโมเดล AI หลายค่าย เช่น Anthropic, Mistral
- พัฒนา Titan โมเดลภายในของตนเอง
- ใช้ AI ปรับปรุงการจัดการคลังสินค้า การคัดกรองสินค้าปลอม และระบบแนะนำสินค้าบน Amazon.com
- ลงทุนใน Anthropic อย่างต่อเนื่อง และผสาน AI เข้ากับ Alexa และระบบลูกค้าสัมพันธ์
■ Nvidia
Nvidia เป็นบริษัทที่มีกระแสเงินสดเติบโตเร็วที่สุดในกลุ่ม จากยอดขาย GPU ที่รองรับการประมวลผล AI
ใน Computex และงาน Sovereign AI เดือนมิถุนายน 2025 Nvidia ประกาศพัฒนาการที่สำคัญดังนี้
- DGX Spark และ DGX Station รุ่นใหม่ ใช้ Grace Blackwell Superchip
- สนับสนุนโครงการ Sovereign AI ในยุโรป ร่วมกับพันธมิตรอย่าง Mistral และ SiPearl
- เดินหน้าขยายแพลตฟอร์ม CUDA, NIM (Nvidia Inference Microservices) และ Omniverse สำหรับงาน 3D และอุตสาหกรรม
Nvidia ยังคงเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในระบบ AI ระดับโลก แม้จะไม่ได้สร้างโมเดล AI ของตนเองโดยตรง
■ Meta (Facebook)
Meta สร้างกระแสเงินสดหลักจากธุรกิจโฆษณาบน Facebook, Instagram และ WhatsApp
บริษัทพัฒนาโมเดลโอเพ่นซอร์สชื่อ LLaMA (ล่าสุดคือ LLaMA 4) เพื่อให้เข้าถึงได้ทั้งองค์กรและนักพัฒนา รองรับ multimodal และใช้สถาปัตยกรรม Mixture-of-Experts (MoE) เพิ่มประสิทธิภาพ
- LLaMA 4 พร้อมใช้งานบนแพลตฟอร์ม Google Vertex AI, AWS, Oracle Cloud, Hugging Face และ Meta AI App
- ลงทุนใน Scale AI และตั้งทีม “superintelligence” พัฒนา AI ขั้นสูง
- เน้นเทคโนโลยี AI แบบโอเพ่นซอร์ส
■ Tesla
Tesla มีรายได้หลักจากรถยนต์ไฟฟ้าและระบบพลังงาน โดยกระแสเงินสดเติบโตช้ากว่าบริษัทอื่นในกลุ่ม
ด้าน AI Tesla มีแผนการดังนี้
- พัฒนา Full Self-Driving (FSD) ด้วยโมเดลที่ฝึกบนคลังข้อมูลจากยานยนต์จริง
- สร้าง Dojo Supercomputer สำหรับฝึกโมเดล AI เฉพาะทางด้านภาพและการตัดสินใจ
- ขยายการใช้ AI ในหุ่นยนต์ Optimus และระบบพลังงานอัจฉริยะ
Tesla มุ่งเน้น AI ที่ใช้งานกับโลกจริง (Real-world AI) มากกว่าการสร้างโมเดลภาษา
ในขณะที่เทคโนโลยี AI กลายเป็นศูนย์กลางของการแข่งขัน กลุ่ม Magnificent 7 กำลังใช้ "กระแสเงินสดจากธุรกิจหลัก" เพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ ผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โมเดล และผลิตภัณฑ์ที่รองรับอนาคต
แต่ละบริษัทต่างมีจุดแข็งเฉพาะตัวที่โดดเด่น
Microsoft ผู้นำด้านโซลูชันองค์กรและ AI สำหรับธุรกิจ
Google ครบวงจรทั้งโครงสร้างพื้นฐานและโมเดล AI ชั้นนำ
Apple โฟกัสที่ความปลอดภัยและการประมวลผลบนอุปกรณ์
Nvidia ผู้ครองตลาดฮาร์ดแวร์สำหรับ AI และการประมวลผลขั้นสูง
Amazon แชมป์ระบบคลาวด์และบริการ AI บนแพลตฟอร์ม AWS
Meta เน้นนวัตกรรมแบบโอเพ่นซอร์สและการพัฒนา AI ขั้นสูง
Tesla มุ่งเน้นการใช้งาน AI ในโลกจริงผ่านระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์
การแข่งขันนี้เพิ่งเริ่มต้น และจะกำหนดภาพของเทคโนโลยีและเศรษฐกิจโลกในทศวรรษต่อไป
เพื่อนๆชื่นชอบตัวไหนกันบ้าง ถ้าให้เลือกถือตัวเดียวไปอีก 10 ปี จะเลือกตัวไหน
ที่มา : chart จาก Gainify
เขียนและเรียบเรียงโดยนักลงพุง
Magnificent 7 เจาะลึกกระแสเงินสดและทิศทาง AI ของ 7 ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีโลก
กลุ่ม "Magnificent 7" ประกอบด้วย 7 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกเทคโนโลยี ได้แก่ Apple, Microsoft, Alphabet (Google), Amazon, Nvidia, Meta และ Tesla ทั้งหมดนี้ไม่เพียงแค่มีมูลค่าตลาดสูงเท่านั้น แต่ยังมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และกำลังใช้ทรัพยากรเหล่านี้เพื่อสร้างความได้เปรียบในสนามการแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)
■ Apple
Apple ยังคงรักษาระดับกระแสเงินสดในระดับสูงจากธุรกิจ iPhone, Mac, และบริการใน ecosystem เช่น App Store, iCloud และ AppleCare
ในการประชุม WWDC 2025 Apple ประกาศอัปเกรดระบบ Apple Intelligence พร้อมฟีเจอร์ใหม่ ได้แก่
- Live Translation, Visual Intelligence, และ Workout Buddy บน Apple Watch
- ใช้โมเดล AI ขนาด ~3 พันล้านพารามิเตอร์แบบ on-device
- เปิด API ใหม่สำหรับนักพัฒนาเรียกว่า Foundation Models API
- ให้ผู้ใช้เลือกเชื่อมต่อ ChatGPT จาก OpenAI แบบไม่บันทึกข้อมูล (opt-in)
แม้ยังไม่มี Siri AI ตัวใหม่ (เลื่อนเปิดตัว) แต่ Apple ย้ำเป้าหมายการใช้ AI อย่างเป็นส่วนตัวและควบคุมได้
■ Microsoft
Microsoft เป็นบริษัทที่มีกระแสเงินสดและอัตราการเติบโตของกำไรที่มั่นคง
ในด้าน AI Microsoft มีความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ OpenAI และผนวกเทคโนโลยี GPT-4o ลงในผลิตภัณฑ์ผ่าน Copilot เช่น
- Microsoft 365 (Word, Excel, PowerPoint)
- GitHub Copilot สำหรับนักพัฒนา
- Azure AI Studio สำหรับองค์กร
นอกจากนี้ Microsoft ยังเป็นผู้ให้บริการคลาวด์หลักให้กับ OpenAI ผ่าน Azure ซึ่งช่วยเสริมสถานะในตลาดองค์กรอย่างชัดเจน
■ Alphabet (Google)
Google มีรายได้หลักจาก Search, YouTube และ Google Cloud โดยมีกระแสเงินสดสูงและต่อเนื่อง
จากงาน Google I/O 2025 บริษัทเปิดตัว
- Gemini 2.5 (Pro & Flash) พร้อมฟีเจอร์ Deep Think วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
- Veo 3 โมเดลวิดีโอ AI และ Imagen 4 สำหรับภาพและโมชั่น
- Agent Mode บน Gemini App ช่วยจัดการภารกิจหลายขั้นตอน
- ระบบ Search Live ให้ผู้ใช้โต้ตอบด้วยเสียงกับ Gemini ใน Google Search
- รองรับ Vertex AI บน Google Cloud และเปิดใช้ TPU v7 Ironwood
Google ยังคงเป็นผู้นำในแง่ AI เชิงผลิตภัณฑ์และโครงสร้างพื้นฐานควบคู่กัน
■ Amazon
Amazon มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้านกระแสเงินสด โดยเฉพาะจาก AWS ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรสูงสุดของบริษัท
ด้าน AI Amazon ขยายบริการ
- Amazon Bedrock สำหรับรันโมเดล AI หลายค่าย เช่น Anthropic, Mistral
- พัฒนา Titan โมเดลภายในของตนเอง
- ใช้ AI ปรับปรุงการจัดการคลังสินค้า การคัดกรองสินค้าปลอม และระบบแนะนำสินค้าบน Amazon.com
- ลงทุนใน Anthropic อย่างต่อเนื่อง และผสาน AI เข้ากับ Alexa และระบบลูกค้าสัมพันธ์
■ Nvidia
Nvidia เป็นบริษัทที่มีกระแสเงินสดเติบโตเร็วที่สุดในกลุ่ม จากยอดขาย GPU ที่รองรับการประมวลผล AI
ใน Computex และงาน Sovereign AI เดือนมิถุนายน 2025 Nvidia ประกาศพัฒนาการที่สำคัญดังนี้
- DGX Spark และ DGX Station รุ่นใหม่ ใช้ Grace Blackwell Superchip
- สนับสนุนโครงการ Sovereign AI ในยุโรป ร่วมกับพันธมิตรอย่าง Mistral และ SiPearl
- เดินหน้าขยายแพลตฟอร์ม CUDA, NIM (Nvidia Inference Microservices) และ Omniverse สำหรับงาน 3D และอุตสาหกรรม
Nvidia ยังคงเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักในระบบ AI ระดับโลก แม้จะไม่ได้สร้างโมเดล AI ของตนเองโดยตรง
■ Meta (Facebook)
Meta สร้างกระแสเงินสดหลักจากธุรกิจโฆษณาบน Facebook, Instagram และ WhatsApp
บริษัทพัฒนาโมเดลโอเพ่นซอร์สชื่อ LLaMA (ล่าสุดคือ LLaMA 4) เพื่อให้เข้าถึงได้ทั้งองค์กรและนักพัฒนา รองรับ multimodal และใช้สถาปัตยกรรม Mixture-of-Experts (MoE) เพิ่มประสิทธิภาพ
- LLaMA 4 พร้อมใช้งานบนแพลตฟอร์ม Google Vertex AI, AWS, Oracle Cloud, Hugging Face และ Meta AI App
- ลงทุนใน Scale AI และตั้งทีม “superintelligence” พัฒนา AI ขั้นสูง
- เน้นเทคโนโลยี AI แบบโอเพ่นซอร์ส
■ Tesla
Tesla มีรายได้หลักจากรถยนต์ไฟฟ้าและระบบพลังงาน โดยกระแสเงินสดเติบโตช้ากว่าบริษัทอื่นในกลุ่ม
ด้าน AI Tesla มีแผนการดังนี้
- พัฒนา Full Self-Driving (FSD) ด้วยโมเดลที่ฝึกบนคลังข้อมูลจากยานยนต์จริง
- สร้าง Dojo Supercomputer สำหรับฝึกโมเดล AI เฉพาะทางด้านภาพและการตัดสินใจ
- ขยายการใช้ AI ในหุ่นยนต์ Optimus และระบบพลังงานอัจฉริยะ
Tesla มุ่งเน้น AI ที่ใช้งานกับโลกจริง (Real-world AI) มากกว่าการสร้างโมเดลภาษา
ในขณะที่เทคโนโลยี AI กลายเป็นศูนย์กลางของการแข่งขัน กลุ่ม Magnificent 7 กำลังใช้ "กระแสเงินสดจากธุรกิจหลัก" เพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ ผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โมเดล และผลิตภัณฑ์ที่รองรับอนาคต
แต่ละบริษัทต่างมีจุดแข็งเฉพาะตัวที่โดดเด่น
Microsoft ผู้นำด้านโซลูชันองค์กรและ AI สำหรับธุรกิจ
Google ครบวงจรทั้งโครงสร้างพื้นฐานและโมเดล AI ชั้นนำ
Apple โฟกัสที่ความปลอดภัยและการประมวลผลบนอุปกรณ์
Nvidia ผู้ครองตลาดฮาร์ดแวร์สำหรับ AI และการประมวลผลขั้นสูง
Amazon แชมป์ระบบคลาวด์และบริการ AI บนแพลตฟอร์ม AWS
Meta เน้นนวัตกรรมแบบโอเพ่นซอร์สและการพัฒนา AI ขั้นสูง
Tesla มุ่งเน้นการใช้งาน AI ในโลกจริงผ่านระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์
การแข่งขันนี้เพิ่งเริ่มต้น และจะกำหนดภาพของเทคโนโลยีและเศรษฐกิจโลกในทศวรรษต่อไป
เพื่อนๆชื่นชอบตัวไหนกันบ้าง ถ้าให้เลือกถือตัวเดียวไปอีก 10 ปี จะเลือกตัวไหน
ที่มา : chart จาก Gainify
เขียนและเรียบเรียงโดยนักลงพุง